5 เทคนิคฝึก"ระเบียบ"ลูกสไตล์ญี่ปุ่น
"ชิจิดะ โก"
อีกหนึ่งคุณพ่อชาวญี่ปุ่นที่ชื่อของเขาเริ่มเป็นที่คุ้นหูในเมืองไทย
กับตำแหน่งประธานสถาบัน Shichida Educational
และแนวทางการฝึกสมองทั้งสองด้านของลูกตั้งแต่
ยังเป็นทารก ซึ่งในวันที่เขาบินลัดฟ้ามาถึงเมืองไทย ทีมงาน Life &
Family ได้มีโอกาสพูดคุย และเก็บเรื่องราวดี ๆ
เกี่ยวกับการอบรมสั่งสอนลูกสไตล์คนญี่ปุ่นผ่านจิตใจภายในของคนเป็นพ่อแม่ผู้
อาศัยอยู่ในประเทศที่ขึ้นชื่อว่ามีระเบียบวินัยเคร่งครัด
ให้ความสำคัญประโยชน์ส่วนรวมมาก่อนประโยชน์ส่วนตน
และยังคงยึดมั่นในขนบธรรมเนียมดั้งเดิมเอาไว้อย่างเหนียวแน่น
โดยคุณโกได้เผยถึง 5 จุดเด่นที่เห็นได้ชัดของชาวญี่ปุ่น
และเทคนิคในการฝึกลูกเอาไว้ดังนี้
1. เลี้ยงลูกให้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ
ในจุดนี้ คุณโกกล่าวว่า หากเป็นไปได้
คนญี่ปุ่นจะนิยมเลี้ยงลูกอยู่นอกเมือง เพื่อให้ลูกได้ใกล้ชิดธรรมชาติ
ได้สัมผัสกลิ่นดินกลิ่นทรายมากกว่าการมีบ้านอยู่ในตัวเมืองใหญ่
โดยพ่อแม่จะเป็นผู้เดินทางเข้ามาทำงานในเมืองเอง
เพื่อให้เด็กยังคงมีความเป็นเด็ก
ไม่ถูกสังคมเมืองหล่อหลอมจนหลงไหลในวัตถุเร็วเหมือนเช่นที่เกิดกับเด็กในอีก
หลาย ๆ ประเทศ
"เด็กที่อาศัยอยู่นอกเมืองจะมีเพื่อนเล่นในวัยเดียวกัน
และมีช่องว่างกับชุมชนน้อยกว่า ทำให้เด็กมีความผูกพันกับชุมชน
และได้ใช้เวลาในวัยเด็กอย่างคุ้มค่า ต่างจากเด็กที่ต้องอาศัยอยู่ในตัวเมือง
เพราะต้องเผชิญกับความเครียด ความกดดันตลอดเวลา"
2. สร้างจิตสาธารณะ
เมื่อเด็กมีความผูกพันกับชุมชน และสังคมที่เขาอาศัยอยู่แล้ว
การสร้างจิตสำนึกให้เด็กเห็นแก่ผลประโยชน์ของส่วนรวมมาก่อนผลประโยชน์ส่วนตน
ก็ตามมาในลำดับต่อไป โดยในข้อนี้
สังคมที่เด็กอาศัยอยู่จะร่วมกันกล่อมเกลาเขาอย่างช้า ๆ
โดยถือว่าเป็นหน้าที่ที่ทุกคนต้องร่วมกันทำ
"เรื่องของจิตสาธารณะ
ผมมองว่า เราอาศัยแต่ครอบครัวอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องเกิดขึ้นพร้อม ๆ กัน
ทุกคนในสังคมต้องช่วยกันทำให้ดูเป็นตัวอย่าง
ยกตัวอย่างการเสียสละประโยชน์ส่วนตน เห็นประโยชน์ของส่วนรวมมาก่อน
หากทุกคนทำได้ก็จะช่วยให้การทำงานต่าง ๆ ของทุกฝ่ายลุล่วง สำเร็จลงด้วยดี
เมื่อส่วนรวมได้ประโยชน์
ความสุขเหล่านั้นก็สะท้อนกลับมาสู่ครอบครัวในที่สุด"
การเห็นประโยชน์ส่วนรวมมาก่อนประโยชน์ส่วนตนที่เห็นได้ชัดเป็นอันดับต้น ๆ
ของชาวญี่ปุ่นคือการต่อแถวอย่างเป็นระเบียบ
ไม่มีการแซงคิวให้เป็นที่ระอาใจของผู้อื่น หรือการทิ้งขยะให้เป็นที่เป็นทาง
ไม่ทิ้งขยะเกลื่อนกลาด การร่วมแรงร่วมใจกันในงานกิจกรรมของชุมชน ฯลฯ
3. ตรงต่อเวลา
สำหรับการสอนให้ลูกตรงต่อเวลานั้นคงเป็นเรื่องยากหากสังคมโดยรวมไม่ยอมรับ
กติกาข้อนี้ แต่สำหรับในประเทศญี่ปุ่นนั้น กิจการใหญ่ ๆ เช่น
การเดินรถไฟของญี่ปุ่นทั้งแบบชินคันเซ็น หรือแบบโลคอล (วิ่งเฉพาะในเมือง)
ต่างก็บริหารจัดการ "เวลา" กันอย่างเต็มประสิทธิภาพ
มีการวางกำหนดเวลาแน่นอน หรือแม้แต่รถประจำทางเองก็ตรงต่อเวลา
ไม่ผิดเพี้ยนแม้แต่น้อย
การสร้างสิ่งแวดล้อมเหล่านี้ให้เกิดขึ้นเป็นปกติในชีวิตประจำวันของเด็ก
คุณโกระบุว่า เป็นการปลูกฝังให้เด็ก ๆ กลายเป็นคนเห็นคุณค่าของ "เวลา"
ไปโดยปริยาย
4. ไม่ปกป้องลูกเมื่อทำผิด
สิ่งที่พ่อแม่ที่ต้องการอบรมสั่งสอนให้ลูกเติบโตขึ้นเป็นคนดี
มีจิตสำนึกต่อส่วนรวม ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนพึงตระหนักอีกข้อหนึ่งคือ
หากพบว่าลูกไปสร้างความเสียหาย ทำความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือละเมิดผู้อื่น
พ่อแม่ต้องตักเตือนในทันที
และถ้าเป็นพ่อแม่ที่ดีก็ต้องหาทางทำให้ลูกหยุดพฤติกรรมดังกล่าวให้ได้
โดยคุณโกระบุว่า พ่อแม่ที่ไม่ดี
ก็คือพ่อแม่ที่เห็นการกระทำดังกล่าวของลูกแล้วเพิกเฉย นั่นเอง
5. ให้กำลังใจลูก
การเลี้ยงดูเด็กในยุคนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีความเครียดต่าง ๆ
รายล้อมอยู่รอบตัว พ่อแม่จึงควรใช้การพูดคุย ให้กำลังใจลูก ๆ
ยามเผชิญหน้ากับความเครียด ซึ่งความเครียดของเด็กญี่ปุ่นใน
พ.ศ.นี้หนีไม่พ้น การแข่งขันด้านวิชาการ เพื่อจะได้สอบเข้าในโรงเรียนดี ๆ
มหาวิทยาลัยดี ๆ เพื่อให้มีการงานดี ๆ ทำ
"อาจมีเด็กบางคนไม่สนใจเรียน และทำให้พ่อแม่ต้องผลักดันลูกให้มาก ๆ
เพื่อที่ลูกจะได้เป็นคนเก่ง
แต่ในจุดนี้อยากให้พ่อแม่เข้าใจธรรมชาติของเด็กว่าไม่ได้สมบูรณ์แบบทุกคน
และควรใช้การสอน หรือการให้กำลังใจในการกระตุ้นลูกมากกว่า"
"ความคาดหวังของพ่อแม่เป็นเรื่องธรรมดา แต่ไม่อยากให้บังคับลูกมากเกินไป
เพราะถ้าบังคับให้เรียน เด็กจะรู้สึกถึงภาระหนักอึ้ง
วันหนึ่งเขาอาจจะปฏิเสธได้ แต่ถ้าเรียนไปตามธรรมชาติ
เด็กก็จะเหมือนฟองน้ำที่ดูดซับความรู้เข้ามาได้เอง
จึงไม่รู้สึกกดดันหรือเครียด นอกจากนั้น
ควรให้เด็กได้มีประสบการณ์ในด้านอื่นบ้าง เช่น รู้จักช่วยเหลือสังคม
หรือคนรอบข้างด้วย" คุณโกกล่าวทิ้งท้าย
Cr: พีกา ซัส