Donate

วันศุกร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

โช้คความถี่สูง

โช้คความถี่สูง

image002image003เมื่อสมองของคุณริเริ่มประมวลข้อมูล ต่างๆ ออกมาว่า. คุณมีความจำเป็นจะต้อง เข้าไปยุ่งกับสัญญาณความถี่สูงๆ เมื่อไร. อุปกรณ์ตัวแรกที่คุณจะ ต้องทำศึกเคี่ยวกับมันก่อนเห็นจะได้แก่ ขดลวดต่างๆมากมายหลายแบบ. โช้คที่จะกล่าวถึงนี้เป็นตัวอย่าง หนึ่งของขดลวด ที่ใช้กับความถี่สูง ซึ่งคุณจะต้องเจอกับมันตัวต่อตัวอย่างแน่นอน. ถ้าจะว่ากัน ตามความหมายของภาษาอังกฤษ แล้ว โช้ค ( choke ) ก็หมาย ความถึงการสะกัดไว้ หรือ กั้นไว้. ถ้าเรียกกันเต็มหน่อยว่า อาร์เอฟโช้ค ( RF chocke , radio frequency choke ) โดยทั่วไปก็จะ หมายถึง ขดลวดสำหรับใช้ป้องกันสัญญาณความถี่วิทยุ ไม่ให้ผ่านไป. ในขณะเดียวกันก็ ลำเลียงปล่อยให้สัญญาณกระแสตรง และ สัญญาณความถี่ต่ำ เช่น สัญญาณเสียงผ่านไปได้ ซึ่งวงจรที่ทำหน้าที่นี้ก็เรียกว่า วงจร ดีคัปปลิ้ง ( decoupling )

image002[1]ตัวอย่างการใช้งานของโช้คความถี่สูง ในการป้องกันการรบกวนจากสัญญาณความถี่ สูง ในการป้องกันการรบกวนจาก สัญญาณความถี่สูงจะพบเห็นได้ในวงจรที่ใช้ เอสซีอาร์ หรือ ไตรแอก วงจรหรี่ไฟ หรือ วงจรควบคุมมอเตอร์แบบ ต่างๆ เพราะ ในขณะที่เอสซีอาร์ หรือ ไตรแอกเหล่านี้เริ่มนำกระแสแบบทันทีทัน ใด. จะส่งสัญญาณความถี่ออกมาพร้อมกันด้วย. ซึ่งอาจจะไป รบกวนเครื่องมืออื่นๆได้ จึงต้องกันไว้ก่อน. นอกจากนี้ยังมี การใช้งานกัน อย่างกว้างขวางในวงจรกรองสัญญาณต่าง ๆ ไม่ว่าวงจรผ่านความถี่ต่ำ , ผ่าน ความถี่สูง , วงจรรูปพัลล์ หรือการชดเชยความถี่กว้างมาก เช่น วงจรขยาย สัญญาณภาพ.

โครงสร้าง

image002[2]image003[1]ถ้าจะว่ากันแบบทั่วๆไป จะเห็นรูปร่างของโช้คได้ตามรูปที่ 1 ซึ่งจะ เห็นเป็นลวดพันบนแกนอะไร สักอย่างหนึ่ง. อาจจะเป็น สารเฟโนลิค ( อย่างเดียวกับที่ใช้แผ่นวงจรพิมพ์แบบ ธรรมดา ) เป็นพลาสติก หรือ เป็นผงเหล็ก หรือไม่ก็อาจเป็นสารเฟอร์ไรต์ก็ได้ ถ้าเป็นผงเหล็ก หรือ สารเฟอร์ไรต์ก็จะช่วยลดจำนวนรอบของขดลวดให้น้อยลง

image004

รูปที่ 1 โครง สร้างทั่ว ๆ ไปของโช้คความถี่สูง

image002[3]ปกติแล้วแกนที่ใช้พันขดลวดจะมีปลายลวด ยื่นออกมาทั้งสองข้าง. ลวดทั้งสองเส้นนี้จะฝังติดกับ แกนแน่น และ ปลายลวด นี้ก็จะเชื่อมต่อกับปลาย ทั้งสองของขดลวด รูปร่างโดยทั่วไปจะเป็นแกนยาวแบบทรงกระบอก. แต่ที่ปลายลวดทั้งสอง หรือขาของ มันยื่นออกมาทางเดียวกันก็มีเหมือนกัน

image002[4]โครงสร้างอีกแบบหนึ่งดังที่เห็นในรูป ที่ 2 สร้างมาเพื่อลดผลการรบกวนจากสนามแม่เหล็กภายนอก . โช้คแบบนี้สามารถ ติดตั้งชิดๆกันหลายๆตัวเลยก็ได้.

image005

รูปที่ 2 โครง สร้างของโช้คความถี่สูงแบบป้องกันการรบกวน

image002[5]โช้คที่มีค่าความเหนี่ยวนำต่ำๆ มักพันเป็นแบบโซลินอยด์ ( solenoid ) โดยพัน เพียงชั้นเดียวมักจะมีค่าความเหนี่ยวนำ อยู่ในช่วง 0.1 ไมโครเฮนรี ถึง 200 ไมโครเฮนรี โช้คที่มีค่าความเหนี่ยวนำต่ำมากๆ ประมาณ 10 ไมโครเฮนรี ลงไป จะพันบนแกนที่ทำด้วยสารที่ ไม่เป็นแม่เหล็ก. ถ้าแกนเป็นผงเหล็กจะมีค่าความเหนี่ยวนำสูงขึ้นมาอยู่ในระหว่าง 5 ไมโครเฮนรี ถึง 100 ไมโครเฮนรี และ ถ้าเป็นเฟอร์ไรต์จะ มีค่าสูงขึ้นไปถึง 200 ไมโครเฮนรี

image002[6]โช้คที่มีค่าความเหนี่ยวนำสูงๆ หน่อย มักจะพันกัน แบบหลายชั้น. แต่การพันแบบหลายชั้นนั้นมีข้อจำกัด คือ ค่าความจุที่ เกิดขึ้นระหว่างเส้นลวด กันเองจุสูงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อจำนวนรอบเพิ่มขึ้น ทำให้ใช้กับสัญญาณความถี่ สูงๆไม่ได้. โช้คที่พันขดลวด แบบหลายชั้น จะมีค่าความ เหนี่ยวนำอยู่ในช่วง 20 ไมโครเฮนรี ถึง 10 ไมโครเฮนรี และ มักจะใช้แกนเป็นผงเหล็ก หรือไม่ก็ เฟอร์ไรต์

image002[7]โช้คที่พันเป็นแบบพาย ( piewound ) มัก จะมีค่าตั้งแต่ 47 ไมโครเฮนรี ไปจนถึง 10 ไมโครเฮนรี โช้คแบบพายจะพันลวด เป็นรูปคล้ายวงแหวน มีตำนวนชั้นมาก และ พันซิกแซกไป มา เพื่อลดค่าความจุระหว่างเส้นลวดลงไป. โช้คแบบพายอาจมีลวด ที่พันเป็นวงแหวนอยู่ได้ 1 , 2 , 3 , 4 , 5 หรือ 6 ชุดเพื่อเพิ่มค่าความเหนี่ยวนำให้สูง ขึ้น ปรกติแล้วความกว้าง , เส้นผ่า ศูนษ์กลาง และ จำนวนรอบของขดลวดวงแหวน มักจะเท่ากัน. แต่ก็ไม่แน่เสมอไป สำ หรับโช้คที่ใช้ใน งานพิเศษ อาจลดเส้นผ่านศูนษ์กลาง และ เพิ่มความกว้างขึ้นได้ ซึ่งจะทำให้ได้ค่าความเหนี่ยวนำที่แน่นอนกว่า.

image002[8]โช้คอีกแบบหนึ่ง คือ แบบโปรแกรสสีฟ แล็ทเทอราล ( progressive lateral ) คล้ายๆ แบบพาย แต่ แทนที่จะพันขอ ลวดซิกแซกขึ้นทางด้านสูง กลับพันซิกแซกไปรอบๆ แกน. วิธีนี้ ช่วยลดค่าความจุที่เกิดขึ้น ระหว่างเส้นลวด และ มีค่าความ เหนี่ยว นำแน่นอนกว่า.

image002[9]โช้คที่ถูกห่อหุ้มจนมิดทั้งตัว อาจเป็นได้ ทั้งแบบที่พันขดลวดชั้นเดียว หรือ หลายชั้น และ อาจหล่อด้วย อะไรก็ได้ที่เหมาะสม เช่น อีพ๊อกซี่ เป็นต้น. โช้คแบบพายบางที ถูกห่อจนมิดก็มี แต่มักจะเคลือบด้วยขี้ผึ้งมากกว่า.

คุณสมบัติการทำงาน

image002[10]image003[2]โช้คที่ดีจะต้องให้ค่าอิมพีแดนซ์สูงได้ตลอด ช่วงความถี่กว้าง ๆ แต่ในความเป็นจริง การที่มีค่าความจุระหว่างเส้นลวด กระจายอยู่ทั่วไป และ ความต้านทาน ภายในเส้นลวด จะมีผลทำให้การทำงานเปลี่ยนแปลงไป.

image006

รูปที่ 3 สัญลักษณ์ แทนขดลวดที่ความถี่ต่าง ๆ

image002[11]ที่ความถี่ต่ำๆ ค่าความจุมีผลกระทบกระเทือนน้อยมาก จนถือได้ว่าค่าความจุนี้ไม่มีเลยก็ได้ ซึ่งจะแทนโช้คได้ด้วยสัญลักษณ์ รูป ก. ในรูปที่ 3 ที่ความ ถี่สูงขึ้นๆ จนถึงที่ความถี่อันหนึ่ง มันจะทำหน้าที่เป็นวงจรเรโซแนนซ์ แบบขนาน. ซึ่งแทนได้ด้วย สัญลักษณ์ ในรูป ข. ที่ความถี่สูงขึ้นไปกว่านี้ ค่าความจุ ระหว่างเส้นลวดจะมีผลมากกว่าความเหนี่ยวนำของขดลวด. ตัวโช้ค แทนที่จะมีความเหนี่ยวนำกลับกลายเป็นมี ความจุ ดังสัญลักษณ์ เรโซแนนซ์ แบบอนุกรมใน รูป ค. อิมพีแดนซ์ของโช้คนี้ จะเห็นว่า เพิ่มขึ้น และลดลงตามความถี่ ดังกราฟในรูปที่ 4 ในการใช้งาน เราไม่ควรใช้งานโช้คที่ความถี่ใกล้กับค่าความ ถี่ เรโซแนนซ์อนุกรม มากเกินไป. โดยปกติ จะใช้งานห่างออกไปประมาณ 20 - 30 เปอร์เซ็นต์ และไม่ควรใช้ งานโช้คที่ความถี่เกินกว่า 150 เปอร์เซ็นต์ ของค่าความถี่เรโซแนนซ์อนุกรมด้วย.

image007

รูปที่ 4 ค่าอิมพี แดนซ์ของโช้คทั่ว ๆ ไปที่ความถี่ต่าง ๆ

image002[12]ยิ่งค่าความจุระหว่างเส้นลวดน้อย เท่าไร ค่า ความถี่เรโซแนนซ์อนุกรมก็จะยิ่งสูงมากเท่า นั้น. ซึ่งก็คือ ความสามารถในการ ทำงานของโช้คที่ ความถี่สูงขึ้นนั่นเอง. โช้คแบบพิเศษๆ เช่นแบบ โปรเกรสซีฟแล็ท เทอราล มี ค่าความจุระหว่างเส้นลวดต่ำมาก. ทั้งยังมีการ เปลี่ยนแปลงค่าอิมพีแดนซ์ตลอดช่วงความถี่ ใช้งานน้อยมากเมื่อเทียบกับโช้คแบบอื่น ๆ ซึ่งได้เปรียบเทียบกันให้ดูแล้ว ดังในรูปที่ 5.

image008

รูปที่ 5 การ เปรียบเที่ยบค่าความถี่เร โซแนนซ์อนุกรมกับค่าความเหนี่ยวนำของโช้ครูปร่างต่าง ๆ

image002[13]ความต้านทานกระแสตรงของโช้คสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ส่วน. ส่วนหนึ่งเป็นความต้านทานที่ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นตามความ ถี่ที่เพิ่ม ขึ้นอันเนื่องมาจากการแสจะไม่ยอมไหลในใจกลางของเส้นลวด. แต่จะมาเบียด ไหลตามผิวของเส้นลวดเพิ่มขึ้นทุกที. เมื่อ ความถี่เพิ่มขึ้น ๆ ถ้าคิดเฉพาะความต้านทานปกติ ก็อาจได้ 500 ถึง 600 โอห์ม. สำหรับโช้คที่มีค่าความเหนี่ยวนำสูง แต่ถ้าคิด ความต้านทานกระแสตรงทั้งหมด ความต้านทานนี้ จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆต่ามความถี่.แต่ไม่ใช่ขึ้น ตลอดเวลา. เพราะผลอันเนื่องมาจาก ความต้านทานนี้ตกลงในที่สุด. ตามเส้นกราฟในรูปที่ 6.

image009

รูปที่ 6 ค่าความ ต้านทานกระแสตรงของโช้คที่ความถี่ต่าง ๆ

image002[14]ค่าจำกัดของโช้คความ ถี่สูงนี้อีกตัวหนึ่งคือ จำนวนกระแสที่ยอมให้ไหลผ่านตัวมันได้ โดยไม่เกิดความร้อนถึงขั้นเสียหาย และ ไม่มากพอที่จะเปลี่ยนแปลงลักษณะสมบัติ การทำงานของมัน ซึ่งมักจะมีค่าอยู่ในช่วงไม่กี่ มิลลิแอมแปร์ สำหรับโช้คที่มีค่า ความเหนี่ยวนำสูงๆ จนถึงหลายแอมแปร์ สำหรับโช้คที่มีค่าความเหนี่ยวนำต่ำๆ.

image002[15]โช้คที่ทำมาสำหรับทนกระแสสูงหน่อยก็มี เหมือนกัน มักจะใช้กับพวกวงจรสัญญาณรบกวน ที่เกิดจากเอสซีอาร์หรือ ไตรแอก , วงจรกันกระแสกระชากของไส้หลอดต่างๆ และ วงจรส่งกำลังความถี่วิทยุกำลังสูง ๆ แบบหลอด เป็นต้น.

image002[16]ค่า Q ของโช้คมัก จะต่ำ เพราะ ไม่ได้ต้องการให้ทำงานที่ความถี่เดียวเหมือนวงจรเลือกความถี่ ค่าที่ได้ จากที่ผู้ผลิตกำหนด มามักจะเป็นค่า Q ต่ำสุดที่ความถี่ใด ความถี่หนึ่ง. ลองดูตัวอย่าง ได้ในรูปที่ 7

image010

รูปที่ 7 เปรียบ เทียบค่า Q ของโช้คกับความถี่ของโช้ค 2 ขนาด

การอ่านค่า

image011

รูปที่ 8 รหัสสี ของโช้คที่ใช้แบบเดียวกับตัวต้านทาน

image012

รูปที่ 9 รหัสสี แบบใช้ความกว้างของแถบสีบอกตำแหน่งของจุดทศนิยม

image013

รูปที่ 10 การอ่าน ค่าแบบนี้คล้ายในรูปที่ 8 แต่ใช้สีทองแทนจุดทศนิยม ถ้าค่าความเหนี่ยวนำน้อยกว่า 10 mH

image014

รูปที่ 11 โช้คขนาดเล็กที่ใช้ติดตั้งบนแผ่นวงจรพิมพ์บางทีอาจใช้จุดสีแทนแถบสีก็ ได้ แต่ การอ่านค่ายังคงเหมือนเดิม

image002[17]image003[3]การเขียนค่าความเหนี่ยวนำของโช้คนั้นเขียนได้หลายวิธี. วิธีการใช้ รหัสสีได้อธิบายย่อๆ ไว้แล้วในรูปที่ 8 , 9 , 10 และ 11. หน่วยของค่าความเหนี่ยวนำตามปกติใช้ เป็นไมโครเฮนรี่ ( mH ) เสมอ. การบอกว่าเป็นรหัสตัวเลขก็เป็นแบบง่ายๆ เช่น โช้คที่มีค่าความเหนี่ยวนำไม่เกินกว่า 100 mH จะ ใช้ตัวเลขเพียง 3 ตัว เท่านั้น แล้วใช้ ตัว R แทนจุดทศนิยม ดังตัวอย่าง.

image002[18]0.68 mH เขียนเป็น R68 0

image002[19]4.7 mH เขียนเป็น 4R7 0

image002[20]33 mH เขียนเป็น 33R 0

image002[21]สำหรับโช้คที่มีค่าความเหนี่ยวนำตั้งแต่ 100 mH ขึ้น ไป จะเขียนด้วยตัวเลข 4 ตัว เท่านั้น. สามตัวแรกบอกค่าตัวเลขข้าง หน้า และ ตัวสุดท่ฃ้ายบอกจำนวนเลขศูนษ์ที่ ต่อท้ายดังตัวอย่าง.

image002[22]680 mH เขียนเป็น 6800

image002[23]4700 mH เขียนเป็น 4701

image002[24]33000 mH เขียนเป็น 3302

image002[25]ยังมีตัวอักษรที่ต่อท้ายอีกตัวหนึ่ง ซึ่งจะบอกค่า เปอร์เซ็นต์ความผิดพลาดของค่าความเหนี่ยวนำ ดังต่อไปนี้

image015J = 5%

image015[1]K = 10%

image015[2]M = 20%

...