Donate

วันพฤหัสบดีที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2553

วงจรพัลซ์และสวิชชิ่ง

วงจรพัลซ์และสวิชชิ่ง

ฟังก์ชั่นและรูปคลื่น หมายถึง ความสัมพันธ์ของ 2 ปริมาณที่เกิดการเปลี่ยนแปลง เช่นปริมาณของกระแสหรือแรงดันที่เปรียบเทียบกับเวลา
- ฟังก์ชั่นขั้นบันได (step function)

image002

- ฟังก์ชั่นลาดเอียง (ramp fuction) เป็นฟังก์ชั่นเพิ่มหรือลด แบบเชิงเส้นเมื่อเทียบกับเวลา

image003

- ฟังก์ชั่นเอ็กโพเนนเชียล (exponential fuction) เป็นฟังก์ชั่นเพิ่มหรือลดในฟัง ก์ชั่นของรูปเอ็กโพเนนเชียล

image004

รูปฟังก์ชั่นต่าางๆหากนำมารวมหรือต่อเนื่องกันจะได้รูป คลื่นทางไฟฟ้าดังนี้
1. รูปคลื่นสี่เหลี่ยม (rectangula waveform) เกิดจากการรวมตัวของฟังก์ชั่นขั้น บันไดขึ้นและขั้นบันไดลง ถ้าช่วงเวลา t1 และ t2 เท่ากัน จะเรียกว่ารูปคลื่น สี่เหลี่ยมจตุ รัส (square wave) แต่หาก t1 ไม่เท่ากับ t2 เรียกว่า (pulse wave)

image005

ค่าเฉลี่ย ของคลื่นสี่เหลี่ยม square wave Vav = (Vp*t1)/T
ค่าประสิทธิผล Vrms = Vp*squareroot (t1 / T)

Vav = แรง ดันเฉลี่ยรูปคลื่นสี่เหลี่ยม
Vrms = แรงดันประสิทธิผล
Vp = แรงดัน พีค ทู พีค
t1 = คาบเวลาที่ปรากฏรูปคลื่น
T = คาบเวลาของรูปคลื่น

2. รูปคลื่นสามเหลี่ยม (Triangula waveform) เป็นรูปคลื่นที่เกิดจากการรวม ตัวของฟังก์ชั่นลาดเอียงแบบบวกกับแบบลบ

image006

ค่าเฉลี่ย ของคลื่นสามเหลี่ยม Vav = (Vp*t1)/T
ค่าประสิทธิผล Vrms = Vp*squareroot (4t1 / 3T)

Vav = แรง ดันเฉลี่ยรูปคลื่นสามเหลี่ยม
Vrms = แรงดันประสิทธิผล
Vp = แรงดัน พีค ทู พีค
t1 = คาบเวลาที่ปรากฏรูปคลื่น
T = คาบเวลาของรูปคลื่น

3. รูปคลื่นฟันเลื่อย (sawtooth waveform) เป็นรูปคลื่นที่เกิดจากการรวม ตัวของฟังก์ชั่นลาดเอียงกับฟังก์ชั่นขั้นบันได

image007

ค่าเฉลี่ย ของคลื่นฟันเลื่อย Vav = Vp/2
ค่าประสิทธิผล Vrms = Vp*squareroot 3

Vav = แรง ดันเฉลี่ยรูปคลื่นฟันเลื่อย
Vrms = แรงดันประสิทธิผล
Vp = แรงดัน พีค ทู พีค
T = คาบเวลาของรูปคลื่น

4. รูปคลื่นเอ็กโพเนนเชียล (exponntial waveform) เป็นรูปคลื่นที่เกิดจากการรวมตัวของฟังก์ชั่น เอ็กโพเนนเชียลแบบบวกกับแบบลบ

image008

Vav = แรง ดันเฉลี่ยรูปคลื่นโพเนนเชียล
Vrms = แรงดันประสิทธิผล
Vp = แรงดัน พีค ทู พีค
T = คาบเวลาของรูปคลื่น

ลักษณะ และคุณสมบติของรูปคลื่นพัล ส์

image009

1. แอมปลิจูดของพัลส์ (pulse amplitude) หมายถึง ขนาดความสูงของรูปคลื่นเมื่อวัดเทียบกับกราวด์
2. ขอบนำหน้าพัลส์ (leading edge) หมายถึง ขอบแรกที่ปรากฏ
3. ขอบตามหลังพัลส์ (trailing edge) หมายถึง ขอบที่สองที่ปรากฏ
4. ความกว้างของพัลส์ (pulse width) หมายถึง ระยะเวลาตั้งแต่ขอบนำหน้าถึงขอบตามหลังของพัลส์ลูกเดียวกัน tp หรือ pw หน่วยเป็นวินาที
5. ช่วงไม่ปรากฏพัลส์ (space width) หมายถึง ช่วงเวลาที่ค่าของพัลส์เป็น ศูนย์ trp หรือ sw
6. ความถี่การซ้ำของพัลส์ (pulse repetition frequency) หมายถึงจำนวนของพัลส์ที่ ปรากฏในเวลา 1 วินาที PRF หน่วยเป็นพัลส์/วินาที
                    PRF = 1/T
7. คาบเวลาของพัลส์ (time period) หมายถึง ช่วงเวลาตั้งแต่ขอบนำหน้าของพัลส์ลูกหนึ่งถึงของนำหน้าของพัลส์อีกลูกหนึ่ง T
                     PRT = tp + trp = T
8. ค่าเฉลี่ยของพัลส์ หมายถึง อัตราส่วนผลรวมของพื้นที่ของพัลส์ /คาบ เวลาของพัลส์
                     Vav = [(V1 t1) + (V2 t2)] / T
9.ดิวตี่ ไซเคิล (duty cycle) หมายถึงอัตราส่วนระหว่างความกว้างของช่วงที่มีพัลส์ / คาบเวลาของพัลส์
                      duty cycle = ( tp / T) * 100%

รูปคลื่นพัลส์ทาง ปฏิบัติ

image010

1. ช่วงเวลาขึ้น (rise time) เป็นช่วงเวลาที่แรงดันเพิ่มจาก 10% - 90% ของค่าแรงดันสูงสุด tr
2. ช่วงเวลาลง (ดฟสส time) เป็นช่วงเวลาที่แรงดันลดจาก 90% - 10% ของค่าแรงดันสูงสุด tf
3. ความกว้างของพัลส์ (pulse width) คือช่วงที่เวลาที่พัลส์มีแรง ดัน 50% ของค่าแรงดันสูงสุด tp
4. แอมปลิจูดเฉลี่ย (average pulse amplitude) = (ค่าแรงดันสูงสุด + ค่า แรงดันต่ำสุด) / 2
5. ความลาดเอียงของพัลส์ (tilt) ค่าแอมปลิจูดของพัลส์ลดลงจากค่า แรงดัน V1 เป็น V2 ทำให้มีลักษณะลาดเอียง =(ค่าแรงดัน สูงสุด - ค่าแรงดันต่ำสุด) / Vav

วงจรกรอง ความถี่ต่ำผ่านแบบ RC (RC low pass filter)

image012

Vc = V - (V-V0)e -t/RC
Vc = แรงดันตกตร่อม C ที่ t ใดๆ

วงจร RC อินทิเกรเตอร์(RC integrator)

image014

Vo = (1/RC) ƒ Vi dt
Vo = แรงดัน o / p

วงจรกรอง ความถี่สูงผ่านแบบ RC (RC high pass filter)

image015

Vo = V e -t/RC
V1 = V0 e -t/RC
V3 = V 2 e-t/RC

วงจร RC ดิฟเฟอรนเชียล (RC differential)

image016

Vo = RC (d vi / dt)
Vo = แรงดัน o/ p

วงจรไดโอดสวิตช์

image017

จาก คุณสมบัติของสวิทช์เมื่ออยู่ในสภาวะปิด (on) แรงดันตกคร่อมสวิทช์มีค่า เป็น 0 แต่จากคุณสมบัติของวงจรไดโอดแบบ forward ทำให้เกิดแรงดันตกคร่อมไดโอดที่0.7v(silicon) และ 0.3v (germanniam)

จาก คุณสมบัติของสวิทช์เมื่ออยู่ในสภาวะเปิด (off) แรงดันตกคร่อมสวิทช์มีค่าเป็น Vcc แต่จากคุณสมบัติของวงจรไดโอดแบบ revers ทำให้เกิดแรงดันตกคร่อมไดโอดมีกระแสรั่วไหลเล็กน้อย

วงจร ขลิบ

image018

วงจรขริบ แบบอนุกรม ใช้หลัการไดโอดสวิทช์พิจจารณาว่า เป็นการไปอัสแบบใดและตรวจสอบ o/p
                               Vo = Vi - Vd
                               Vd = แรงดันตกค่อมไดโอดเมื่อไบอัสตรง

วงจรขริบแบบขนาน ใช้หลัการไดโอดสวิทช์พิจจารณาว่า เป็นการไปอัสแบบใดและตรวจสอบ o/p
                               Vo =Vd     ; เมื่อไบอัสตรง
                               Vd = แรงดันตกค่อมไดโอดเมื่อไบอัสตรง

                               Vo = Vi    ; เมื่อไบอัสกลับ

วงจรแค ลมป์

image019

วงจรแคลมป์แรงดันบวก ใช้หลัการเก็บและสะสมประจุของคาปาซิสเตอร์ และไดโอดสวิทช์พิจจารณาว่า เป็นการไปอัสแบบใดและตรวจสอบ o/p
                               Vo = Vc - Vi

วงจรแคลมป์แรงดันลบ ใช้หลัการเก็บและสะสมประจุของคาปาซิสเตอร์ และไดโอดสวิทช์พิจจารณาว่า เป็นการไปอัสแบบใดและตรวจสอบ o/p

วงจรสวิทช์ทรานซิสเตอรเป็นการนำเอา ทรานซิสเตอร์มาทำหน้าที่เป็นสวิทช์ ปิด-เปิดวงจร เพื่อสร้างสัญญาณรูปคลื่นต่างๆ

image020

Vo = Vcc - VRC
Ic = hFe * Ib

เวลาสวิทช์ของสวิทช์ทรานซิ สเตอร
- ช่วงเวลาทำงาน (On time) ใน การไบอัสตรงให้ทรานซิสเตอร์ทำงานนั้นจะต้องใช้เวลาเพื่อให้เกิดการสะสมประจุ เนื่องจากความจุที่รอยต่อ PN BE และ BC ของทรานซิสเตอร์ จึงทำให้เกิดการประวิงเวลาขึ้นในวงจร ช่วงนี้เรียกว่าช่วงทำงาน ton
1. ช่วงประวิงเวลา (delay time) คือ เวลานับจากแรงดัน i/p เริ่มต้นไปจนถึง แรงดัน o/p เปลี่ยนแปลงไปได้ 10% ของแรงดัน o/p เดิม td
2. ช่วงเวลาขึ้น (Rise time) คือ เวลาตั้งแต่แรงดัน o/p เปลี่ยแปลงจาก 10 % ถึง 90 % ของแรงดัน o/p เดิม tr
3. ช่วงเวลาทำงาน (On time) คือ เวลาที่นับจากแรงดัน i/p เริ่มต้นปรากฏ ไปจนถึงเวลาที่ o/p เปลี่ยนแปลงไปได้ 90% ของแรงดัน o/p เดิม ton
ton = td + tr
- ช่วงเวลา ตัดกระแส (Turn off time) ในการไบอัสกลับเพื่อให้ทรานซิสเตอร์หยุดทำงาน ในทางปฏิบัติทรานซิสเตอร์จะยังไม่หยุดทำงานในทันทีเนื่องจากค่าความจุรอยต่อ PN BE และ BC ของ ทรานซิสเตอร์ ทำให้มีแรงดันค้างช่วงระยะเวลาหนึ่งจนกว่าจะคายประจุหมด
1. เวลาสะสม (storage time) คือ เวลาที่นับจากค่าแรงดัน i/p เริ่มทำให้ทรานซิสเตอร์อยู่ในสภาวะ off ไปจนถึง เวลาที่แรงดัน o/p เพิ่มขึ้น เป็น 10% ของแรงดัน Vcc      ts
2.
เวลาตก (Fall time) คือเวลานับจากค่าแรง ดัน o/p เปลี่ยนแปลงจาก 10% ถึง 90% ของแรงดัน Vcc         tf
3. เวลาตัดกระแส (Turn off time) คือ เริ่มนับจากเวลาที่ i/p เริ่มเป็นค่าลบ ไปจนถึงเวลาที่ o/p ค่าเพิ่มขึ้นเป็น 90% ของแรงดัน Vcc
                                   toff = ts + tf

สปีดอัพคาปาซิเตอร์ (speed up capacitor)
เป็นการนำเอาคาปาซิเตอร์ค่าที่เหมาะสมมาต่อขนานกับ RB เพื่อจุดประสงค์ลดเวลา ton และ  toff โดยอาศัย หลักการตอบสนองแรงดันของคาปาซิเตอร์ในช่วงเริ่มต้นทำงานจะเสมือนคาปาซิเตอร์ ลัดวงจรทำให้เกิดกระแสจำนวนมากไหลเข้าไปไบอัสทรานซิสเตอร์ให้ทำงานได้ โดยกระแสมากกว่าปกติจึงทำให้ช่วยลดเวลาในการเริ่มต้นการทำงาน หลังจากนั้นคาปาซิสเตอร์จะเริ่มสะสมประจุและกลับมาทำงานในสภาวะปกติคือ Vin ไม่สามารถไหลผ่านได้ ช่วงเวลานี้เองเป็นหน้าที่ของ RB ที่จะทำงานไปอัสทรานซิสเตอร์ ในสภาวะปกติ
           tp/5RB > C > QT / 2 Vp-p
               C = ค่าความจุของspeed up capacitor (F)
Tp = ค่าความกว้างของพัลส์ i/p
             RB = R ที่ขา B ของทรานซิสเตอร์
Qt = ค่าประจุของพาหะข้างน้อยที่ บริเวณเบส

image021

วงจรฐานเวลา

วงจรฐานเวลา

วงจรฐานเวลา

เป็นวงจรที่สร้างเวลามาตรฐานในหน่วยย่อย เพื่อนำมาใช้ในวงจรนาฬิกาหรือวงจรควบคุมเวลาใดๆ การสร้างวงจรฐานเวลาอาจใช้พื้นฐานดังต่อไปนี้

1. ใช้ผลึกแร่ (Crystal) กำเนิดความถี่ที่ความถี่สูงแล้วใช้วงจรหาร มาหารให้ได้เวลาในหน่วยย่อยตามต้องการ

image002
รูป 1 ASTABLEMULTIVIBRATOR ใช้ผลึกแร่กำเนิดความถี่

2. ใช้ไอซีเฉพาะงานที่ผลิตความถี่ร่วมกับผลึกแร่ แล้วผลิตความถี่ 50 Hz หรือ60 Hz นำ ไปใช้งาน

3. ใช้ความถี่จากไฟฟ้า 50 Hz มาแต่งรูปคลื่นแล้วนำมาหารให้ได้ความถี่พื้นฐานตามที่ต้องการในที นี้จะกล่าวถึงการ สร้างวงจรฐานเวลาโดยใช้หลักการตามข้อ 3 โดยสร้างให้มีเวลาพื้น ฐานเป็นวินาที 0.1 นาที (6วินาที) และ 1 นาที ตามลำดับ

image004
รูป 2 หลักการสร้างสัญญาณ 100 Hz จากไฟฟ้ากระแสสลับ 50 Hz

จากรูปที่ 2 อุปกรณ์ในแต่ละส่วน มีหน้าที่ดังต่อไปนี้

1. หม้อแปลงไฟฟ้าทำหน้าที่ลดแรงเคลื่อนไฟฟ้ากระแส สลับจาก 220 โวลต์เป็น 9 โวลต์ แบบมีแกนกลาง

2. ไดโอดทำหน้าที่เรียงกระแสจากกระแสสลับเป็นกระแส ตรงแบบพัลส์ กระแสดังกล่าวจะมียอดคลื่นเป็น

Vm = 2 Vrms หรือประมาณ 1.414 * 9 V =12.6 V

3. ซีเนอร์ไดโอดทำ หน้าที่ขลิบยอดคลื่นพัลส์ไม่ให้สูงกว่า 4.7 V จะเป็นอันตรายต่อไอซีทีทีแอล

4. ไอซี ที ที แอล 74LS14 หรือ ซีมอส CD 4584 ทำหน้าที่แต่งรูปสัญญาณที่ผ่านจากซีเนอร์ไดโอดให้เป็น สัญญาณรูปสี่เหลี่ยม

5.ไอซี555ทำหน้าที่เป็นโมโนสเตเบิลสร้างสัญญาณ เอาท์พุทให้กว้างที่สุด (ใกล้เคียงกับ10 msec)เพื่อลด ผลของสัญญาณรบกวนที่จะตามมากับไฟฟ้ากระแสสลับ 220 V 50 M

image006
รูป 3 หลักการใช้ไอซี 555 เป็นไมโนสเตเบิล

หากต้องการ เวลา

=  8  msec

ถ้า ใช้

=  0.1 uF

R

=  T / 0.693C = 8 X 10-3 / 0.693 X 0.1 X 10-6

=  (8 / 0.0693) X 103 โอห์ม

=  115.43 X 103 โอห์ม

เลือกใช้

=  120 K                                    

ถ้า ใช้

R

=  120 K                               

จะ ได้เวลา

=  0.693 X 120 X 103X 0.1 X 10-6

T

=  8.316 msec

จะเห็นว่ายังไม่เกิน 10 msec ดังนั้น ยังสามารถใช้ R = 120 K , C = 0.1 uF หลังจาก นั้นนำเอาท์พุท 100 Hz ที่ผ่าน MONOSTABLE แล้ว มาผ่านวงจรหารเพื่อให้ได้ เวลาตามที่ต้องการดังรูปที่ 4

image007
รูป 4 วงจรหารที่นำมาใช้สร้างวสัญญาณเวลาพื้นฐานตามต้องการ

ให้เขียนแบบวงจรจริงโดยระบุเบอร์ไอซีที่ใช้สำหรับวงจรที่ อยู่ในแผนผังในรูปที่  5 ข้างล่าง นี้ โดยอาจใช้ไอซี ซีมอส หรือ ทีทีแอล

image008
รูป 5 ผังวงจรตั้งเวลา โดยตั้งเวลาได้สูงสุด 10 นาที

มัลติมิเตอร์แบบเข็ม (analog multimeter, AMM)

มัลติมิเตอร์แบบเข็ม (analog multimeter, AMM)
มัลติมิเตอร์แบบเข็ม (analog multimeter, AMM) เป็นเครื่องมือวัดปริมาณทางไฟฟ้าหลาย ประเภทรวมอยู่ในเครื่องเดียวกัน โดยทั่วไปแล้วมัลติมิเตอร์จะสามารถใช้วัด ปริมาณต่อไปนี้
-  ความต่างศักย์กระแสตรง (DC voltage)
-  ความต่างศักย์กระแสสลับ (AC voltage)
-  ปริมาณกระแสตรง (DC current)
-  ความต้านทานไฟฟ้า (electrical resistance)
อย่างไรก็ตามมัลติมิเตอร์บาง แบบสามารถใช้วัดปริมาณอื่น ๆ ได้อีก เช่น กำลังออกของสัญญาณความถี่เสียง (AF output) การขยายกระแสตรงของทรานซิสเตอร์ (DC current amplification, hFE) กระแสรั่วของทรานซิสเตอร์ (leakage current, lCEO) ความจุทางไฟฟ้า (capacitance) ฯลฯ
มัลติมิเตอร์แบบเข็ม มีลักษณะดังภาพข้างล่าง
image001
มัลติมิเตอร์แบบเข็ม
ส่วนประกอบสำคัญของมัลติ มิเตอร์แบบเข็ม
ส่วนประกอบสำคัญของมัลติ มิเตอร์แบบเข็มข้างต้น (ซึ่งแสดงหมายเลขกำกับไว้แล้วยกเว้นหมายเลข 9 และ 10) ได้แก่
1.   ที่ปรับการชี้ศูนย์ (indicator zero corrector): ใช้ สำหรับการปรับให้เข็มชี้ศูนย์ขณะยังไม่ได้ใช้ทำการวัด
2.   สวิตช์เลือกปริมาณที่จะวัดและระดับขนาด (range selector switch knob) : เป็นสวิตช์ที่ผู้ใช้จะต้องบิดเลือกว่าจะใช้เครื่องวัด ปริมาณใด ซึ่งมีทั้งหมด 4 ปริมาณแต่ละปริมาณมีช่วงการวัดให้เลือก ดังนี้
ACV : 0-10V, 0-50 V, 0-250 V และ 0-1000 V (รวม 4 ช่วงการวัด)
DCV : 0-0.1 V, 0-0.5 V, 0-2.5 V, 0-10 V, 0-50 V, 0-250 V และ 0-1000 V (รวม 7 ช่วงการวัด)
DCA :0-50image002A,0-2.5 mA,0-25mA,และ0-0.25 A (รวม 4 ช่วงการวัด)
Resistance (image003) :
x 1
(อ่าน ได้ 0-2kimage003[1])
x 10
(อ่าน ได้ 0-20kimage003[2])
x 1k
(อ่าน ได้ 0-2000k หรือ 2 Mimage003[3])
x 10k
(อ่าน ได้ 0-20 Mimage003[4])( รวม 4 ช่วงการวัด)
3.   ช่องเสียบสายวัดขั้วบวก (measuring terminal +)
4.   ช่องเสียบสายวัดขั้วลบ (measuring terminal -COM)
5.   ช่องเสียบสายวัดขั้วบวกกรณีวัดกำลังออกของสัญญาณความถี่ เสียง (output terminal)
6.   ปุ่มปรับแก้ศูนย์โอห์ม (0 image003[5] adjust knob) : ใช้เพื่อปรับ ให้เข็มชี้ศูนย์โอห์มเมื่อนำปลายวัดทั้งคู่มาแตะกันก่อนทำการวัดค่าความต้าน ทานในแต่ละช่วงการวัด
7.   แผงหน้าปัด (panel)
8.   เข็มชี้ (indicator pointer)
9.   สายวัด (test lead) : ประกอบด้วยสาย 2 เส้น สีแดงสำหรับขั้วบวกและสีดำสำหรับขั้วลบ
10.   สเกลการวัด (reading scales) : ประกอบด้วย 7 สเกลการวัดเรียง ลำดับจากบนสุดลงล่างดังนี้ (ดูจากเครื่องวัดประกอบด้วย)
image004
สเกลการวัด
1.   สเกลวัดความต้านทาน (image003[6]) ด้านล่างของสเกลนี้มีกระจกเงาเพื่อช่วยแก้ความคลาดเคลื่อน ในการอ่านเนื่องจากแพรัลแลกซ์
2.   สเกลวัดความต่างศักย์กระแสตรง (DCV) และปริมาณกระแสตรง (DCA) มีสีดำ
3.   สเกลวัดความต่างศักย์กระแสสลับ (ACV) มีสีแดง
4.   สเกลวัดการขยายกระแสตรงของทรานซิสเตอร์ (hFE) มีสีน้ำเงิน
5.   สเกลวัดกระแสรั่วของทรานซิสเตอร์ (LEAK, ICEO, Ll) มีสีน้ำเงิน
6.   สเกลวัดความต่างศักย์ระหว่างปลายขณะวัดความต้านทาน (LV) มีสีน้ำเงิน
7.   สเกลวัดกำลังออกของสัญญาณ ความถี่เสียง (dB) มีสีแดง
ความไว (sensitivity) ของเครื่องวัดนี้ระบุไว้ที่ตอนล่างด้านซ้ายของสเกลการวัด เพื่อบ่งให้ทราบค่ากระแสที่ผ่านเครื่องวัดสำหรับการอ่านค่าสเกลการวัดหนึ่ง ๆ โดยบอกในรูปโอห์มต่อโวลต์ (ohm per volt) โดยทั่วไป แล้ว เครื่องวัดที่มีความไวสูง จะมีค่าโอห์มต่อโวลต์สูง
DC 20 kimage003[7]/V หมายความว่า ขณะใช้การที่วัดที่สเกล DCV เมื่ออ่านค่าได้ 1 VDC ความ ต้านทานภายในเครื่องวัดจะเป็น 20 kimage003[8]ดังนั้นกระแสที่ผ่านเครื่องวัดขณะนี้จะเป็น
image005
AC 8 kimage003[9]/V หมายความว่า ขณะใช้การวัดที่สเกล ACV เมื่ออ่านค่าการวัดได้ 1 VAC ความต้านทานภายในเครื่องวัดจะเป็น 8 kimage003[10] ดังนั้นกระแสที่ผ่านเครื่องวัดขณะนี้จะเป็น
image006
การอ่านผลการวัดจากสเกลเครื่องวัด
ก่อนทำการอ่านผลการวัดจะต้องทราบก่อนว่า ค่าที่อ่านได้จากสเกลเครื่องวัดนี้ มีความเชื่อถือได้มากน้อยเท่าใด นั่นคือต้องทราบความแม่น (accuracy) ของเครื่องวัดด้วย ซึ่งปกติจะมีระบุไว้ในคู่มือของเครื่องวัดนั้นๆ สำหรับเครื่องวัดที่จะได้ศึกษามีรายละเอียดดังตารางข้างล่าง
Measurement
Measurement ranges
Allowance
Remarks
DC
Voltage
(DCV)
0-0.1 V -0.5 V -2.5 V -10 V -50 V -250 V 
1000 V-(25kV)
25 kV with HV probe extra
image0073%fs
except
25 kV
Imput impedance
20 kimage003[11]/V


AC
Voltage
(ACV)
0-10 V -50 V -250 V -1000 V
30 Hz ~ 50 kHz image007[1] 1 dB ( 50 V or less )
50 Hz ~ 20 kHzimage007[2]3% ( 50 V or less )
image007[3]4% fs
Input impedance
9kimage003[12]/V
DC
Current
(DCA)
0-50 image002[1]A -2.5 mA 25 mA 0.25 A
50 image002[2]A at 0.1 VDC position
image007[4]3% fs
Voltage drop
250 mV (100 mV
for 50 image002[3]A)
Resistance
(image003[13])
Range X 1 - X 10 - X 1k -X 10k
Minimum 0.2 - 2 - 200 - 200 k (image003[14])
Midscale 20 - 200 - 20 k - 200 k (image003[15])
Maximum 2k - 20k - 2M - 20M image003[16])
image007[5]3% of are
Internal batteries
UM -3 x 2
006 P x 1
AF
Output
(dB)
-10 dB ~ +22 dB (for 10 VAC) ~ +62 dB
0 dB/0.775 V (1 mW through 600 image003[17])
image007[6]4% fs
9 k image003[18]/V for
OUTPUT
Terminal
ในช่องที่ 3 ในแนวตั้ง จะบอกถึงความแม่นของแต่ละสเกลการวัด เช่น สเกล DCV มีความแม่น image007[7]3% fs (fs ย่อมาจาก full scale) หมาย ถึง ขณะหมุนปุ่มเลือกไปที่ 0-10V ถ้าเข็มชี้เต็มสเกลคือ ชี้ที่ 10 V ค่าที่อ่านได้จะเป็น 10 Vimage007[8]3% ซึ่งมีค่าเท่ากับ 10image007[9]0.3V ดังนั้นเราจึงสามารถประมาณได้ว่าค่าที่อ่านได้จากช่วงสเกล 0-10V นี้ จะมีความแม่นอยู่ในขอบเขต image007[10]0.3V
สำหรับความเที่ยง (precision) พิจารณาได้จากการแบ่งขีดสเกลเล็กที่สุด จะเห็นว่าสำหรับสเกล DCV ช่องสเกลเล็กสุดเท่ากับ 2 mV ดังนั้นเราจะประมาณค่าระหว่างช่องเล็กสุดได้อีกหนึ่ง ตำแหน่งทศนิยม นั่นคือ ความเที่ยงจะเป็น image007[11]0.1 mV สำหรับ DCV ส่วนสเกล ACV ช่องสเกลเล็กที่สุดเท่ากับ 200 mV ดัง นั้นเราจะประมาณค่าระหว่างช่องเล็กสุดได้อีกตำแหน่งหนึ่งของหลักนั่นคือ ความเที่ยงจะเป็น image007[12]10 mV สำหรับ ACV
ในกรณีที่เราสามารถทราบค่าทั้งความ เที่ยงและความแม่นของค่าที่วัดได้ ควรใช้เฉพาะค่าความแม่นเท่านั้น เพราะจะแสดงถึงขอบเขตความผิดพลาดเมื่อเทียบกับปริมาณมาตรฐาน
การเตรียมก่อนทำการวัด
การปรับแก้การชี้ศูนย์ของเข็มชี้ ให้ดำเนินการดังนี้
-  วางเครื่องวัดบนพื้นโต๊ะให้อยู่ในแนวราบ (เพื่อให้แกนการหมุนของเข็มชี้อยู่ในแนวดิ่ง)
-  ยังไม่ต้องต่อสายเสียบใดๆ กับเครื่องวัด
-  ก้มดูที่เข็มชี้ว่าอยู่ในแนวทับกับขีดศูนย์ (ทางด้านซ้ายสุดของสเกล DCV,A) หรือไม่ ให้สังเกตภาพเสมือนของเข็มชี้ในกระจกเงาเหนือสเกล DCV,A ด้วยว่า เข็มชี้ซ้อนทับบนภาพเสมือนของเข็มชี้หรือไม่
-  ถ้าเข็มชี้ตรงขีดศูนย์พอดี เครื่องวัดพร้อมที่จะใช้งานได้
-  แต่ถ้าเข็มชี้ไม่ตรงขีดศูนย์ จะต้องใช้ไขควงปลายแบนหมุนปรับที่ปรับการชี้ศูนย์
ข้อควรระวังในการวัด
1.   เมื่อการวัดเกี่ยวข้องกับความต่างศักย์สูง (ตั้งแต่ 50 V ขึ้นไป) อย่าให้นิ้วมือหรือส่วนใดของร่างกายสัมผัสส่วนที่เป็นโลหะของปลาย วัด เพราะอาจเป็นอันตรายได้
2.   ก่อนวัดปริมาณใด ต้องแน่ใจว่า ได้หมุนสวิตช์เลือกปริมาณที่จะวัดตรงตามปริมาณที่จะวัดแล้ว มิฉะนั้นแล้วเครื่องวัดอาจชำรุดเสียหาย
3.   ต้องแน่ใจว่าหมุนสวิตช์ เลือกช่วงการวัดให้อยู่ในช่วงที่สูงมากกว่าปริมาณที่จะวัด เช่น จะวัดความต่างศักย์ระหว่างขั้วแบตเตอรี่ 12V ก็ ต้องตั้งปุ่มเลือกช่วงการวัดไว้ที่ DCV ช่วง 0-50V ถ้าไม่ทราบ ขนาดโดยประมาณของปริมาณที่จะวัด ให้ตั้งเลือกช่วงการวัดให้สูงที่สุดก่อน (เช่น ตั้งที่ 0-1000V) แล้วค่อยลดระดับช่วงการวัดต่ำลงมาทีละช่วง
4.   ถ้าในการวัด DCV หรือ DCA เข็มชี้ไม่เบนไปทางขวาแต่พยายามเบนมาทางซ้าย แสดงว่ากระแสผ่านเครื่องวัดในทิศทางไม่ถูกต้อง ให้สลับขั้วปลายวัด
5.   ถ้าเข็มชี้ไม่ขยับจากการชี้ศูนย์หรือเบนออกมาเพียงเล็ก น้อย แสดงว่ากระแสผ่านเครื่องวัดน้อยเกินไป ให้ปรับลดช่วงการวัดต่ำลงกว่าเดิมทีละขั้น จนกระทั่งเข็มชี้อยู่ประมาณกลางสเกล
ANALOG MULTI-METERANALOG MULTI-METER
Buy new: $7.96
Usually ships in 1-2 business days
M110A Analog MultitesterM110A Analog Multitester
Fluke 27B 27 B Analog Digital Multimeter Meter Tester Test EquipmentFluke 27B 27 B Analog Digital Multimeter Meter Tester Test Equipment
Buy new: $419.95
Usually ships in 1-2 business days
Gossen Digisix GO 4006 Digital / Analog Exposure MeterGossen Digisix GO 4006 Digital / Analog Exposure Meter
Buy new: Too low to display / Used from: $120.00
Usually ships in 24 hours
NEW AC DC VOLT OHM DIGITAL MULTIMETER MULTITESTER METERNEW AC DC VOLT OHM DIGITAL MULTIMETER MULTITESTER METER
Buy new: $6.89
Usually ships in 1-2 business days
ECG AM-30 MultimeterECG AM-30 Multimeter
New Triplett Hand-Sized VOM Analog Tester Diode overload protected meter Decibel function audio workNew Triplett Hand-Sized VOM Analog Tester Diode overload protected meter Decibel function audio work
Buy new: $149.51
Usually ships in 1-2 business days
New Triplett Hand-Sized VOM Analog Tester Polarity Reversing Switch Drop resistant high impact caseNew Triplett Hand-Sized VOM Analog Tester Polarity Reversing Switch Drop resistant high impact case
Buy new: $182.16
Usually ships in 1-2 business days
New Blue Sea 9229 Analog Meter Shunt 75a 50mv Continuous Operation Recommended Normal ConditionsNew Blue Sea 9229 Analog Meter Shunt 75a 50mv Continuous Operation Recommended Normal Conditions
Buy new: $43.98
Usually ships in 1-2 business days
New Paneltronics Analog Dc Voltmeter 8-16vdc 2-1/2 Inch Easy Read Compatible Scale PlatesNew Paneltronics Analog Dc Voltmeter 8-16vdc 2-1/2 Inch Easy Read Compatible Scale Plates
Buy new: $58.92
Usually ships in 1-2 business days
New Blue Sea 8240 Dc Analog Voltmeter 2-3/4 Inch Face 18-32 Volts Dc Simple 2 Wire ConnectionNew Blue Sea 8240 Dc Analog Voltmeter 2-3/4 Inch Face 18-32 Volts Dc Simple 2 Wire Connection
Buy new: $45.21
Usually ships in 1-2 business days
New Blue Sea 8252 Dc Zero Center Analog Ammeter 2-3/4 Inch Face 50-0-50 Dc Backlit Meter FaceNew Blue Sea 8252 Dc Zero Center Analog Ammeter 2-3/4 Inch Face 50-0-50 Dc Backlit Meter Face
Buy new: $86.76
Usually ships in 1-2 business days
New Paneltronics Analog Ac Voltmeter 0-300vac 1-1/2 Inch Window Mount Compatible Scale PlatesNew Paneltronics Analog Ac Voltmeter 0-300vac 1-1/2 Inch Window Mount Compatible Scale Plates
Buy new: $51.41
Usually ships in 1-2 business days
Fluke 196C/S 196 C/S 100MHZ Portable Oscilloscope Scopemeter MultiMeter Meter Tester Test EquipmentFluke 196C/S 196 C/S 100MHZ Portable Oscilloscope Scopemeter MultiMeter Meter Tester Test Equipment
Buy new: $3,785.00
Usually ships in 1-2 business days
New Triplett Digital Satellite Strength Meter Tone Fast response speeds adjustment Expanded scaleNew Triplett Digital Satellite Strength Meter Tone Fast response speeds adjustment Expanded scale
Buy new: $38.74
Usually ships in 1-2 business days
Velleman HPS40 - 12MHz Personal Scope 40MS/sVelleman HPS40 - 12MHz Personal Scope 40MS/s
Buy new: $234.00
Usually ships in 1-2 business days

...